ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยมีหลายอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จจากการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมด้านวิศวกรรมและการผลิตที่นำ AI มาใช้ในสายการผลิตเพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการผลิต และการบำรุงรักษาผ่านอินเทอร์เฟซการจดจำภาพ และการสนทนา
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองของยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หลังจากประสบความสำเร็จจากการนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในหลายรูปแบบ ทั่วโลกต่างจับตามองไปที่ศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในการเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรม
จากรายงานร่วมล่าสุดของ DHL และ IBM ได้มีวิเคราะห์กรณีศึกษาการใช้งาน AI สำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ตลอดจนนัยยะที่ AI มีต่อกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ในปี 2018 ในรายงาน “ปัญญาประดิษฐ์ในวงการโลจิสติกส์” DHL ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของโลกได้เข้าร่วมกับนักนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อประเมินศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในด้านโลจิสติกส์ รายงานดังกล่าวเผยวิธีที่จะนำปัญญาประดิษฐ์ไปประยุกต์ใช้เพื่อพลิกโฉมอุตสหกรรมโลิจิสติกส์ โดยก่อให้เกิดกระบวนทัศน์การดำเนินงานด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะรูปแบบใหม่
ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์มีการแพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภคอยู่แล้ว ดังที่แสดงให้เห็นจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของแอปพลิเคชันสั่งการด้วยเสียง DHL และ IBM พบว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด สสร้างโอกาสในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้งานด้านโลจิสติกส์เพิ่มเติมได้ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าผ่านการมีส่วนร่วมในการสนทนาและแม้แต่ช่วยคาดการณ์คำสั่งซื้อใหม่ก่อนที่ลูกค้าจะทำการสั่งซื้อ
ด้วยความช่วยเหลือของปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะเปลี่ยนรูปแบบจากการดำเนินงานแบบเชิงรับไปสู่เชิงรุกและเชิงคาดการณ์ ซึ่งจะสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ดีขึ้นโดยที่ควบคุมต้นทุนได้ดีทั้งในส่วนงานระบบหลังบ้าน การปฏิบัติการ และกิจกรรมที่ต้องพบกับลูกค้า
ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถใช้การจดจำภาพขั้นสูงเพื่อติดตามสภาพการขนส่งและสินค้า หรือคาดการณ์ความผันผวนของปริมาณการจัดส่งทั่วโลกก่อนที่ความผันผวนนั้นจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์และขยายประสิทธิภาพของมนุษย์โดยพื้นฐานในแง่ของการเข้าถึง คุณภาพ และความเร็ว ผ่านการลดปริมาณงานที่ไม่ซับซ้อนและงานประเภที่ต้องทำซ้ำๆ ซึ่งจะทำให้พนักงานโลจิสติกส์สามารถโฟกัสและเปลี่ยนไปทำงานที่มีความสำคัญและมีประสิทธิภาพการดำเนินงานมากขึ้น
ด้วยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ในกระบวนการดำเนินงานหลัก บริษัทต่างๆ สามารถเพิ่มการลงทุนในสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นในการเติบโตเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้มีความทันสมัยหรือกำจัดระบบแอปพลิชันรูปแบบเดิมๆ สิ่งนี้สามารถทำให้ทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่พนักงานหรือแรงงานมีเวลามากขึ้นในการเพิ่มพูนทักษะและขีดความสามารถของตนเอง
แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะแพร่หลายในการประยุกต์ใช้หลายรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและงานในด้านธุรการในธุรกิจขนาดใหญ่ และจะมีผลต่อการกำหนดโครงสร้างของบุคลากรในภาคโลจิสติกส์ในอนาคต บุคลากรที่มีทักษะจะยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของห่วงโซ่อุปทานโลจิสติกส์ เนื่องจากบุคลากรที่เก่งยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในอุตสาหกรรม
ในขณะที่บริษัทโลจิสติกส์ระดับแนวหน้าด้านดิจิทัลจะดึงดูดกลุ่มมิลเลเนียนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้ามา แต่สิ่งสำคัญที่องค์กรยังจะต้องทำคือการดูแลพนักงานที่มีประสบการณ์พร้อมให้การฝึกอบรมที่จำเป็นเพื่อให้ทันกับกระบวนการแบบดิจิทัล
ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์
กรรมการผู้จัดการ DHL Express Thailand
ลิงก์อ้างอิง: https://www.nationthailand.com/edandtech/30367675