Your browser does not support JavaScript!

โลจิสติกส์ย้อนกลับเริ่มมีมากขึ้นในกระแสอีคอมเมิร์ซ

Reverse Logistics

ต้องขอบคุณการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของอีคอมเมิร์ซ ที่ทำให้โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ได้รับความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตอนนี้โซเชียลมีเดียกำลังทำให้โลจิสติกส์ย้อนกลับมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น

 

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซ ทำให้ปริมาณสินค้าคงคลังที่เกิดจากสินค้าที่ถูกตีกลับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกานับเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ประมาณการว่าสินค้ามูลค่ามากกว่า 400 พันล้านดอลลาร์ จะถูกส่งคืนภายในระยะเวลา 12 เดือน

 

“ในอดีต สินค้าที่ถูกคืนจำนวนมากจบลงโดยการกลายเป็นขยะ และการขนส่งสินค้าเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก” Jack Kleinhenz หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NRF กล่าวเสริม “ สิ่งนี้กลายเป็นปัญหามากขึ้นในสถานการณ์ที่ยอดขายในปี 2019 จากออนไลน์ และจากส่วนที่ไม่ใช่หน้าร้านค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 จากปีก่อน”

 

แม้แต่ผู้นำระดับโลกที่เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอสในปี 2020 ก็มองถึงความเร่งด่วนของการจัดการโลจิสติกส์ย้อนกลับ โดยเลขาธิการ IMO Kitack Lim ได้เรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง “การขนส่งและห่วงโซ่อุปทานโดยรวมทั้งหมด สามารถช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำหรือเป็นศูนย์ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนระดับโลก” เขากล่าวว่า “การขนส่งแบบย้อนกลับเป็นกุญแจสำคัญในความพยายามนี้”

 

ยุคของการส่งคืนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ด้วยกระแสที่มาแรงของอีคอมเมิร์ซและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก ไม่น่าแปลกใจเลยที่กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะขยายความสนใจไปที่เทรนด์การส่งคืน เมื่อเร็วๆ นี้ CBRE บริษัทอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมที่มีสำนักงานใหญ่ในในลอสแองเจลิส ออกรายงานเรื่อง “ความกดดันของโลจิสติกส์ย้อนกลับในยุคการส่งสินค้าคืนแบบไม่มีค่าใช่จ่าย” เพื่อเจาะลึกลงไปในระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) ในช่วงเทศกาลปีที่แล้วที่มีการเติบโตสูง นักวิจัยของ CBRE ประมาณการว่ายอดขายอีคอมเมิร์ซมีอัตราการคืนสินค้าที่สูงกว่าร้านค้าที่มีหน้าร้านมาก โดยอัตราการคืนของการซื้อของออนไลน์อยู่ระหว่างร้อยละ 15 ถึง 30

 

James Breeze หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของ CBRE กล่าวว่า โลจิสติกส์แบบย้อนกลับจะเป็น “ตัวขับเคลื่อนอุปสงค์” ที่สำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต “จำนวนแพ็คเกจสินค้าที่ถูกส่งคืนในปีที่ผ่านมาสูงเป็นประวัติการณ์ และจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสัดส่วนอีคอมเมิร์ซต่อยอดค้าปลีกทั้งหมดเติบโตขึ้น” เขากล่าวว่า “โลจิสติกส์แบบย้อนกลับจะเป็นเหตุผลหลักที่ผู้ส่งสินค้าจะต้องสรรหาพื้นที่คลังสินค้าเกรดบีต่อไปเพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้า”

 

ผู้ค้าปลีกจะต้องตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการนโยบายการคืนสินค้าแบบไม่มีค่าใช้จ่าย และขั้นตอนการส่งคืนสินค้าที่ง่าย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ค้าปลีก นักวิจัยของ CBRE สรุป

 

“การคืนสินค้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นภายในร้าน จะก่อให้เกิดต้นทุนขนส่งและการจัดการ ซึ่งมาในรูปแบบต้นทุนแรงงาน” Breeze กล่าว “สินค้าที่ส่งคืนผ่านระบบการขนส่ง จะเผชิญกับความท้าทายด้านเวลาการดำเนินงาน การจัดการกับสินค้าที่ถูกคืน และขั้นตอนการทำงานที่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้สูญเสียกำไรมากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเกิดการขนส่งและกระบวนการที่ไม่จำเป็นตีเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญฯ”

 

ความท้าทายสำคัญอีกด้านของโลจิสติกส์ย้อนกลับ คือการเสื่อมค่าของสินค้าและความอ่อนไหวด้านเวลา ในขณะที่อัตราการส่งคืนยังคงเติบโตต่อร้อยละ 10 ต่อปี สินค้าคงคลังจำนวนมากขึ้นจะเสื่อมค่าลง จากข้อมูลของ Optoro ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก UPS มูลค่าของสินค้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นจะลดลงร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 50 ภายใน 8 ถึง 16 สัปดาห์ ก่อให้เกิดความเร่งด่วนในการนำสินค้าที่ถูกคืนกลับมาหมุนเวียนในระบบการขายและนำมาขายต่ออีกครั้ง

 

“ระดับการเสื่อมราคาจะแตกต่างกันไปตามประเภทผลิตภัณฑ์ โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูญเสียมูลค่าระหว่างร้อยละ 4 ถึงร้อยละ 8 ต่อเดือน” Sarah Foulke นักวิจัยของ Optoro กล่าว

 

Optoro จาก Washington, D.C. ซึ่งร่วมมือกับ CBRE ในรายงาน ระบุว่าผู้ค้าปลีกจำนวนมากที่มี “เครือข่ายซัพพลายเชนที่จำกัด” มีแนวโน้มที่จะใช้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จากภายนอก (3PL) ในการบริหารจัดการการส่งคืนของพวกเขา เพื่อเก็บพื้นที่คลังสินค้าไว้ใช้สำหรับการส่งสินค้าให้ลูกค้า สิ่งนี้ได้สร้างโอกาสจำนวนมากสำหรับ 3PLs ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการโลจิสติกส์ย้อนกลับ รวมถึง XPO Logistics, Ryder และ NFI

 

โซเชียลมีเดีย

 

เมื่อการซื้อสินค้าออนไลน์แพร่หลายมากขึ้น บทบาทของโซเชียลมีเดียก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นักวิจัยจาก Advanced Supply Chain Group (ASCG) ที่เป็นที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์แบบย้อนกลับสำหรับมาร์เก็ตเพลสทั่วโลกระบุ

 

จากการวิจัย เกือบร้อยละ 34 ของผู้บริโภคที่ได้รับการสำรวจจะตัดสินใจซื้อสินค้าแบบไม่ได้วางแผนมากขึ้น เนื่องจากโซเชียลมีเดียทำให้การซื้อขายผ่านเครื่องมือการซื้อขายในแพลตฟอร์มทำได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันร้อยละ 63 ของผู้ซื้อเหล่านี้จะมีการส่งคืนสินค้ากลับไปยังร้านค้าปลีกมากขึ้น ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของผู้ซื้อออนไลน์ทั้งหมดที่มีการส่งคืนมากขึ้น

 

ASCG ได้แนะนำผู้ส่งสินค้าถึงวิธีการเพิ่มนโยบายการส่งคืนจาก 28 วันเป็น 45 วัน ขณะเดียวกันก็เตือนเกี่ยวกับผู้ซื้อที่มีการคืนสินค้าอยู่เป็นประจำซึ่งอาจนำมาสู่การปิดบัญชีใช้งานของผู้ซื้อกลุ่มนั้น คำเตือนเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในด้านการรักษาอัตราผลกำไร

 

การสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งจัดทำโดย eMarketer บริษัทวิจัยตลาดที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับการค้าดิจิทัล แสดงให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียมีการเชื่อมโยงผู้ใช้งานไปยังร้านค้าอีคอมเมิร์ซ มากกว่าสองเท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ASCG กล่าวว่าสิ่งนี้มีนัยยะสำคัญทางด้านโลจิสติกส์ย้อนกลับ เนื่องจากแพลตฟอร์มมีการเปลี่ยนแปลงจากการเป็นช่องทางสำหรับการโฆษณาเพียงอย่างเดียว ไปสู่การเสนอประสบการณ์การซื้อโดยตรง

 

“นี่เป็นการช็อปปิ้งที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์สูง” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ ASCG กล่าว “ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดการคืนสินค้ามากขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ค้าปลีกต้องยอมรับและปรับตัวตาม”

 

นักวิจัยกล่าวว่า ผู้ค้าปลีกทั่วโลกกำลังปรับรูปแบบห่วงโซ่อุปทานตามอิทธิพลจากผู้บริโภค มากกว่าการตัดสินใจโดยอ้างอิงจากต้นทุนเพียงอย่างเดียว พวกเขากล่าวเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงนี้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่ออัตราการหมุนเวียนของยอดขายและผลกำไร เพราะช่วยผลักดันยอดขายและเพิ่มความจงรักภักดีต่อแบรนด์

 

“การค้าปลีก Omni-channel ได้พัฒนาไปสู่ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ และสำหรับผู้บริโภค การคืนสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อของพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะทำ และเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของอีคอมเมิร์ซ” Balfour กล่าวสรุป

 

ลิงก์อ้างอิง: www.logisticsmgmt.com/article/reverse_logistics_rides_high_on_the_wave_of_e_commerce/logistics

เมชิตา ลาภสุวรรณ

อัพเดทล่าสุด 17 กันยายน 2020

เมชิตาเป็นบรรณาธิการของ Logisticsbid ประเทศไทยมาตั้งแต่ริเริ่ม โดยเธอสำเร็จการศึกษาด้านการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน และเป็นคนสำคัญในการคิดและนำเสนอเนื้อหาด้านโลจิสติกส์ที่เป็นประโยชน์