อาลีบาบาอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ขึ้นในประเทศไทย
โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของการขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอีกก้าวที่จะทำให้ความฝันของแจ๊ค หม่า หยุน ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทอาลีบาบาที่จะช่วยให้ธุรกิจเล็กๆ สามารถทำการค้าขายได้ทั่วโลกนั้นเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น
จากรายงานวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อาลีบาบามีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ทางรัฐบาลต้องการจะพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor
แผนการจัดตั้งศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยนั้นเป็นแผนล่าสุดของอาลีบาบาที่จะดำเนินการในภาคอีคอมเมิร์ซของไทยที่กำลังเจริญเติบโต หลังจากมีการลงทุนเพิ่มเติมถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ มากกว่า 65 พันล้านบาท กับลาซาด้าซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการจัดตั้งศูนย์กลางการค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับรัฐบาลมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตกว่า 370 ล้านคน จากข้อมูลเดือนมกราคม 2561 ในรายงาน “ยุคดิจิตอลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2018” (Digital in 2018 in Southeast Asia) ซึ่งจัดทำโดย We Are Social และ Hootsuite โดยพบว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่เชื่อมต่อออนไลน์ผ่านทางอุปกาณ์สื่อสารพกพา เช่นเดียวกับกลุ่มชนชั้นกลางที่มีความต้องการจะจับจ่ายใช้สอยออนไลน์มากขึ้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงเป็นภูมิภาคที่สามารถสร้างกำไรให้แก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี
อาลีบาบาต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานด้านโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ ไม่ใช่เพื่อเชื่อมต่อบริษัทต่างๆ ภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เข้าสู่ตลาดโลก ดร.อุตตมกล่าว
โฆษกของอาลีบาบากล่าวว่าทางบริษัทได้สร้างกิจการขึ้นอย่างมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว และเข้าใจดีถึงความจำเป็นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคท้องถิ่น
“สิ่งที่เราเน้นในภูมิภาคนี้ก็คือการขับเคลื่อนความร่วมมือในหมู่ผู้ค้า ให้พวกเขามีโอกาสเข้าถึงลูกค้าและตลาดใหม่ๆ ทำให้ SME กลายเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตและเสริมสร้างโอกาสทางการค้าขายอย่างอิสระและเกิดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศอย่างปราศจากปัญหา” โฆษกกล่าว โดยไม่มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการในประเทศไทยแต่อย่างใด
ในเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา อาลีบาบาลงมือในขั้นตอนแรกของการเชื่อมอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่ระดับโลกด้วยการจัดตั้งศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ร่วมกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะกลายมาเป็นเสมือนเส้นทางสายไหมยุคใหม่
E-Hub ของมาเลเซียนี้ประกอบด้วยศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคและแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่มาคู่กันและจะช่วยสนับสนุนการค้าขายข้ามพรมแดนสำหรับ SME
เงินลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ มากกว่า 65 พันล้านบาท ของอาลีบาบาที่ลงทุนในลาซาด้าในปลายเดือนเมษายนที่แล้วทำให้ยอดเงินลงทุนทั้งหมดในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสิงคโปร์แห่งนี้มีค่าถึง 4 พันล้านเหรียญ หรือมากกว่า 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งเจาะส่วนแบ่งการตลาดและแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น Shopee ของ Sea และ Zalora จากสิงคโปร์ เป็นต้น และอาลีบาบายังแต่งตั้งลูซี่ เป็ง ประธานบริหารของ Ant Financial ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรด้านการเงิน ให้มาเป็นผู้บริหารสูงสุดของลาซาด้าอีกด้วย
ในสิงคโปร์ อาลีบาบายังได้จัดตั้งสถาบันวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งสามารถช่วยจัดการกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุไปจนถึงการคมนาคมในตัวเมือง